OMEGA SPEEDMASTER ตำนาน นาฬิกา ที่ยังไม่หยุดเดิน
OMEGA SPEEDMASTER MOONWATCH TITANIUM
ในภารกิจที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นก้าวสำคัญของมวลมนุษยชาติ เมื่อนีล อาร์มสตรองและบัซ อัลดริน สองนักบินอวกาศของนาซ่าได้เป็นมนุษย์สองคนแรกที่ได้ก้าวย่างลงบนพื้นผิวของดวงจันทร์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 นาฬิกา OMEGA ก็มีส่วนร่วมในภารกิจของยานอพอลโล 11 ครั้งนั้นด้วย โดยบัซ อัลดรินได้พัน นาฬิกาโอเมก้าสปีดมาสเตอร์โปรเฟชชันนอลโครโนกราฟอยู่รอบแขนชุดมนุษย์อวกาศของเขาขณะเดินอยู่บนดวงจันทร์ นับจากนาทีนั้นเองนาฬิกาโอเมก้าสปีดมาสเตอร์โปรเฟสชั่นแนลจึงได้รับฉายาว่า ‘มูนวอทช์’ อันหมายถึงนาฬิกาเรือนแรกที่ถูกสวมบนดวงจันทร์
นับจากภารกิจเหยียบดวงจันทร์เมื่อปี ค.ศ. 1969 เป็นต้นมา ทุกๆ 5 ปี โอเมก้าได้ผลิต นาฬิกาสปีดมาสเตอร์โปรเฟสชั่นแนลรุ่นพิเศษเพื่อรำลึกถึงความสำเร็จของอพอลโล 11 ซึ่งแต่ละรุ่นที่ผลิตออกมาต่างก็มีความพิเศษเฉพาะตัวแตกต่างกันไปตรงวัสดุและลูกเล่นดีไซน์บนหน้าปัดและตัวเรือนแต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือทุกรุ่นผลิตขึ้นมาแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น ในรุ่นฉลองครบรอบ 40 ปี อพอลโล 11 ที่เปิดตัวในปี ค.ศ.2009 สร้างความฮือฮาในหมู่นักสะสมด้วยดีไซน์เหรียญตราสลักนูนลายนกอินทรีบนหน้าต่างย่อยในตำแหน่ง 9 นาฬิกาบนหน้าปัดและรูปสลักนกอินทรีขนาดใหญ่บนฝาตัวเรือนด้านหลัง
แม้จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับแฟนๆ ของมูนวอทช์ เมื่อโอเมก้าเปิดตัว นาฬิกาโอเมก้าสปีดมาสเตอร์โปรเฟสชั่นแนล ลิมิเต็ดเอดิชั่นฉลองครบรอบ 45 ปี อพอลโล 11 ในปี ค.ศ. 2014 ที่ผ่านมา แต่ความพิเศษของมันที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือตัวเรือนขนาด 42 มม. ที่ทำจากไทเทเนียม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำไทเทเนียมมาใช้ทำตัวเรือนที่มีดีไซน์แบบต่างระดับของโอเมก้าสปีดมาสเตอร์โปรเฟลชั่นแนล โอเมก้ายังเลือกใช้ไทเทเนียมเกรด 2 ขัดด้านในขณะที่แบรนด์ส่วนใหญ่ใช้ไทเทเนียมเกรด 5 ที่เมื่อนำมาขัดเงาจะดูเหมือนแสตนเลสสตีล ตัวเรือนไทเทเนียมสีเทาขัดด้านของสปีดมาสเตอร์มูนวอทช์รุ่นล่าสุดนี้ชวนให้นึกถึงสีของดวงจันทร์และยานอพอลโล 11 ทั้งส่วนสำหรับร่อนลงดวงจันทร์และส่วนควบคุม
หน้าปัดเคลือบพีวีดีสีดำมีวงหน้าปัดย่อยจับเวลา 30 นาที วงจับเวลา 12 ชั่วโมงและวงวินาที การผลิตหน้าปัดนี้ก็ไม่ธรรมดาด้วยการใช้กระบวนการเลเซอร์พิเศษลบเนื้อวัสดุรอบๆ โลโก้ ตัวเลขของวงจับเวลาและหลักชั่วโมงออกจนหมด สีของหน้าปัดเคลือบพีวีดีเมื่อสะท้อนกับแสงไฟจะดูเป็นสีเทาเข้มซึ่งตัดกันกับสีของหลักบอกชั่วโมง และเข็มชั่วโมง เข็มนาที เข็มวินาทีไปจนถึงเข็มในวงจับเวลาที่ทำมาจากเร้ดโกลด์ 18 กะรัต ในความเห็นส่วนตัวของคนเขียนคิดว่าเป็นรายละเอียดที่มาช่วยเพิ่มความมีสไตล์ให้กับนาฬิการุ่นนี้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
เข็มโครโนกราฟกลางหน้าปัดเป็นแบบเคลือบเร้ดโกลด์ ในขณะที่เข็มชั่วโมง เข็มนาที เข็มวินาทีของระบบโครโนกราฟ หลักชั่วโมงและจุดกลมสองจุดข้างซ้ายและขวาของหลักชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาเคลือบสารซูเปอร์ลูมิโนวาซึ่งจะเรืองแสงในที่มืด กระจกแซฟไฟร์คริสตัลทนทานต่อการขีดข่วนและเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอก ล้อมรอบด้วยขอบตัวเรือนทองเซ็ดน่า 18 กะรัตประดับวงแทคคิมิเตอร์เซรามิกสีดำด้านซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ด้านการออกแบบของนาฬิกาสปีดมาสเตอร์โปรเฟสชั่นแนล
ฝาหลังแบบขันเกลียวมีลายสลักนูนรูปม้าน้ำฮิปโปแคมปัสตรงกลาง รอบนอกแกะสลักเป็นสีดำว่า “FLIGHT QUALIFIED BY NASA FOR ALL MANNED SPACE MISSIONS”, “THE FIRST WATCH WORN ON THE MOON” และ “APOLLO 11, 45TH ANNIVERSARY, LIMITED EDITION, 0000/1969” ตามจำนวนที่ผลิตขึ้นมาแบบจำกัดนั่นเอง
อีกหนึ่งรายละเอียดที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ของนาฬิการุ่นนี้ก็คือสายผ้าสไตล์นาโต้ โดยสายนาโต้แบบดั้งเดิมนั้นเป็นผลงานสร้างของกระทรวงกลาโหมอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1973 แต่สายรุ่นใหม่ของโอเมก้านี้ได้รับการปรับโฉมให้ดูทันสมัยขึ้น ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูงและออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ที่สบายด้วยฟินิชชิ่งของสายที่ประณีต ไม่ต้องกังวลหรือรำคาญใจว่าสายจะเสียดสีกับข้อมือหรือขีดข่วนฝาหลังของนาฬิกาให้เป็นรอย
นาฬิกาโอเมก้าสปีดมาสเตอร์มูนวอทช์ไทเทเนียม ลิมิเต็ดเอดิชั่นฉลองครบรอบ 45 ปี อพอลโล 11 ทำงานด้วยเครื่องนาฬิกาโครโนกราฟแบบไขลานคาลิเบอร์ 1861 ตัวเรือนกันน้ำได้ถึงระดับ 5 บาร์ (50 เมตร / 167 ฟุต) บรรจุในกล่องดีไซน์พิเศษสำหรับการตั้งโชว์พร้อมประกาศนียบัตรรับรองความเป็นของแท้ รับประกัน 2 ปี รุ่นนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 1,969 เรือนตามเลขปีสำคัญในประวัติศาสตร์ที่มนุษย์ได้ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรก
No comments:
Post a Comment