ตามหาลูกเรียนพิเศษหายลึกลับ
พ่อ แม่แจ้งความตร. ตามหาลูกสาววัย 21 ปี มาเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นที่ขอนแก่นแล้วหายตัวลึกลับ เผยมาจากหนอง คายมาเรียนได้ 1 เดือนตามปกติจะกลับบ้านบ่อยๆ ล่าสุดนัดจะกลับบ้านเสาร์ที่ผ่านมา แต่ถึงกำหนดแล้วไม่กลับ มีตัวแทนบริษัทไทยพบรักที่สอนภาษามาบอกว่าลูกสาวหายไป สงสัยจะถูกล่อลวงไปทางเสียหาย เจ้าของหอพักบอกขนของออกไปได้ร่วมสัปดาห์แล้ว เผยบริษัทมีเงื่อนไขพิเศษว่าถ้าเรียนแล้วพบรักได้แต่งงานกับเจ้าของภาษา จะให้เรียนฟรี เพราะถือว่าประสบความสำเร็จ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 ส.ค. นายจันทริ คงแก้ว และนางใบ คงแก้ว สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 197 ม.5 ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.ทักษ์ สุระนาถ สวส.สภ.เมืองขอนแก่น ว่า น.ส.จารุณี คงแก้ว หรือน้องมุ่ย ลูกสาววัย 21 ปี หายตัวไปหลังจากมาเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 เดือนที่บริษัทไทยพบรัก เลขที่ 33/10 ถนนนิกรสำราญ แถวริมบึงแก่นนคร เยื้องสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 1 ขอนแก่นที่ทำการเดิม ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทไทยพบรักและช่วยกันออกตามหาตัวลูกสาวก็ยัง ไร้วี่แวว ทราบเพียงว่าได้ย้ายออกจากหอพักไปแล้ว กลัวว่าลูกสาวจะถูกหลอกไปในทางเสื่อมเสียจนหมดอนาคต จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าแจ้งความ
นายจันทริ ให้การว่า ต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา น้องมุ่ยจบการศึกษาในระดับมัธยมปลาย ขออนุญาตมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่จ.ขอนแก่น โดยบอกว่าจะอาศัยอยู่หอพักถนนนิกรสำราญ ริมบึงแก่นนคร ตนวางใจด้วยเห็นลูกกลับบ้านไปรายงานเรื่องเรียนให้ฟังอย่างสนุกสนานว่าชอบ เรียนภาษาญี่ปุ่นมาก ล่าสุดลูกสาวได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่จ.หนองคาย จนเช้าวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 06.00 น. ก็แต่งตัวเพื่อเดินทางมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ จ.ขอนแก่น โดยบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงวันเสาร์-อาทิตย์ก่อนสิ้นเดือน ส.ค.จะกลับ กระทั่งถึงเวลาตามกำหนดแทนที่ลูกสาวจะกลับไปบ้านตามปกติ กลับเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทไทยพบรักที่ลูกสาวมาเรียนภาษาญี่ปุ่นเดินทางไปหา พวกตนแทน โดยแจ้งให้พวกตนทราบว่าน้องมุ่ย ลูกสาวได้หายตัวไป
“เจ้า หน้าที่บอกว่าก่อนหายตัวไปนั้น น้องมุ่ยขาดเรียนภาษาญี่ปุ่นไปเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทางเจ้าหน้าที่เป็นห่วงกลัวจะเสียเวลาเรียนจึงไปตามถึงหอพักที่น้องมุ่ย อาศัยอยู่ ปรากฏว่าทราบจากพนักงานที่หอพักว่าน้องมุ่ยได้ขนของขึ้นรถสามล้อเครื่องออก จากหอพักไปได้ร่วมสัปดาห์แล้ว เจ้าหน้าที่จึงเดินทางมาหาพวกตนที่ จ.หนองคาย เพื่อแจ้งให้ทราบเรื่อง และได้ร่วมกันออกตามหาตัวน้องมุ่ยในตัวเมือง จ.ขอนแก่น แต่ยังไร้วี่แวว จึงแนะนำให้พวกตนมาแจ้งความที่โรงพัก เพื่อให้ตำรวจช่วยตามหาตัวน้องมุ่ยต่อไป” นายจันทริ กล่าว
นางใบ กล่าวว่า เป็นห่วงลูกสาวมาก เพราะมาทราบภายหลังว่าที่ลูกสาวอยากมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่จ.ขอนแก่น กับบริษัทดังกล่าวก็เพื่อมาหาแฟนชาวต่างชาติเป็นคนญี่ปุ่นนั่นเอง โดยหลังจากเรียนภาษาญี่ปุ่นจนจบคอร์สแล้ว หากพบรักกับเจ้าของภาษาคือคนญี่ปุ่นภายหลังจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการ เรียนแม้แต่บาทเดียว เพราะถือว่าประสบความสำเร็จในการหาคู่ตามคอนเซ็ปต์ของบริษัทไทยพบรักดัง กล่าว
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่บริษัทไทยพบรักได้ความ ว่า การเรียนคอร์สภาษาญี่ปุ่นของโรงเรียนหลักสูตร 100 ชั่วโมง ต้องเรียนต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนโดยต้องดูความพร้อมของผู้เรียน ว่าใช้เวลาเรียนนานกี่เดือน เพราะมีแบบเรียนทุกวันและเฉพาะวันตามแต่จะว่าง โดยข้อตกลงเกี่ยวกับผู้เรียนและบริษัทคือหากเรียนจนจบคอร์สแล้ว ภายหลังหากผู้เรียนพบรักกับคนญี่ปุ่นจนแต่งงานกัน ผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเรียนคือเรียนฟรีนั่นเอง
สำหรับ กรณีน้องมุ่ยที่หายตัวไปนั้น ได้ขาดเรียนไปกลางคัน โดยเพิ่งมาเรียนเมื่อต้นเดือนส.ค.เป็นระยะเวลา 10 ชั่วโมง ขาดอีก 90 ชั่วโมงถึงจะจบคอร์ส แล้วได้หายตัวไปอย่างลึกลับทำให้ครูและเจ้าหน้าที่ในบริษัทตกใจต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นมาก และไม่ได้นิ่งนอนใจได้ไปแจ้งเรื่องให้ผู้ปกครองน้องมุ่ยที่ จ.หนองคาย ทราบ แล้วออกตามหาตัวน้องมุ่ยทั่ว จ.ขอนแก่นก็ไม่พบตัว จึงได้ให้ผู้ปกครองน้องมุ่ยไปแจ้งความกับตำรวจที่โรงพัก สภ.เมืองขอนแก่น ในพื้นที่ เพื่อช่วยตามหาตัวน้องมุ่ยต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสด
No comments:
Post a Comment